tag:blogger.com,1999:blog-61451819429041320142023-11-15T07:32:43.056-08:00บทที่ 1 ความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบกราฟิกการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-6145181942904132014.post-72575157204122869862009-09-24T00:41:00.000-07:002009-09-24T00:49:30.137-07:00บทที่ 1 ความเข้าใจเกี่ยวกับการออกแบบกราฟิกกราฟิก(Graphic)<br />งานกราฟิกเป็นส่วนสำคัญที่มีบทบาทยิ่งต่อการออกแบบและกระบวนการผลิตสื่อ โดยเฉพาะที่ต้องการการสัมผัสรับรู้ด้วยตา ได้แก่ หนังสือ นิตยสาร วารสาร แผ่นพับแผ่นป้ายโฆษณา บรรจุภัณฑ์ แผ่นปลิว โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ฯลฯ<br />นักออกแบบจะใช้วิธีการทางศิลปะและหลักการทางการออกแบบร่วมกันสร้างสรรค์รูปแบบสื่อเพื่อให้เกิดศักยภาพในการที่จะเป็นตัวกลางของกระบวนการสื่อความหมายระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร นักออกแบบกราฟิกจะต้องค้นหา รวบรวมข้อมูลต่างๆขบคิดแนวทางและวางรูปแบบที่ดีที่สุดในอันที่จะทำให้สื่อนั้นสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เกิดการรับรู้ ยอมรับ และมีทัศนะคติที่ดีต่อการตอบสนองสื่อที่มองเห็น<br /><br />ประวัติของงานกราฟิก<br /> งานกราฟิกมีประวัติความเป็นมาตามหลักฐานในอดีตเมื่อมนุษย์เริ่มรู้จักการขีดเขียน ขุด จารึกเป็นร่องรอย ให้ปรากฏเป็นหลักฐานในปัจจุบัน การออกแบบกราฟิกสมัยก่อนประวัติศาสตร์จึงเป็นการเริ่มต้นการสื่อความหมายด้วยการวาดเขียน ต่อมาประมาณ 9000 ปี ก่อนคริสตกาล ชาว Sumerien ในแคว้นเมโสโปเตเมีย ได้เริ่มเขียนตัวอักษรรูปลิ่ม และตัวอักษร Hieroglyphic ของชาวอียิปต์ งานกราฟิกเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นเมื่อได้คิดค้นกระดาษและวิธีการพิมพ์ ในปีค.ศ.1950 การออกแบบได้ชื่อว่า Typographical Style เป็นการพัฒนาโดยนักออกแบบชาวสวิส ตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา การออกแบบกราฟิกได้พัฒนาและขยายขอบเขตงานออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่จำกัดอยู่แต่ในสิ่งพิมพ์เท่านั้น โดยเข้าไปอยู่ในกระบวนการสื่อสารอื่นๆ เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ วีดีทัศน์ การถ่ายภาพ โปสเตอร์ การโฆษณา ฯลฯ การออกแบบกราฟิกในปัจจุบันเป็นยุคของอิเล็กทรอนิกส์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีได้นำเครื่องมือ เครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ มาช่วยในการออกแบบกราฟิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์มีโปรแกรมด้านการจัดพิมพ์ตัวอักษร ที่นิยมกันมากคือ Microsoft Word และยังมีโปรแกรมอื่นๆที่สนับสนุนงานกราฟิกอีกมากมาย เช่น Adobe Photoshop , Illustrator , PageMaker , CorelDraw , <br />3D studio , LightWave 3D , AutoCad ฯลฯ<br /><br />ความหมายของกราฟิก<br /> กราฟิกหมายถึงภาพลายเส้นหรือภาพที่เกิดจากการวัด จากการขีดเขียนที่แสดงด้วยตารางหรือแผนภาพ การวาดเขียนหรือการระบายสี การสร้างงานศิลปะบนพื้นระนาบหรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่างานกราฟิกหมายถึงกระบวนการออกแบบต่างๆในสิ่งที่เป็นวัสดุ 2 มิติ คือมีความกว้างและความยาวเท่านั้น เช่น งานออกแบบบ้านของสถาปนิกในการเขียนแบบ ตัวภาพและรายละเอียดบนแปลนบ้านเรียกว่าเป็นงานกราฟิก การเขียนภาพเหมือนจริงของจิตรกร การออกแบบภาพโฆษณาของนักออกแบบ การออกแบบฉลากหรือลวดลายหรือภาพประกอบหรือตัวอักษรที่ปรากฏบนฉลากสินค้า บนตัวสินค้าหรือบนภาชนะบรรจุภัณฑ์สินค้า ฯลฯ เหล่านี้จัดว่าเป็นงานกราฟิกทั้งส้น<br /><br /> การออกแบบกราฟิกหมายความถึง<br />1.การใช้ความคิดและสามัญสำนึกในการทำงานที่ได้วางแผนไว้ให้ได้ตามความคาดหมายอย่างสมบูรณ์<br />2.การถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นโครงสร้างระเบียบแบบแผนต่างๆทางทัศนะสัญลักษณ์<br />3.เป็นการออกแบบเพื่อให้อ่าน เช่น ออกแบบหนังสือ นิตยสารโฆษณา หีบห่อ แผ่นพับ<br />ป้ายภาพยนตร์ โทรทัศน์ โปสเตอร์ นิทรรศการ<br /><br />การออกแบบคือ<br />1.คือ โครงการหรือแผนงานที่กำหนดไว้ในสมอง ซึ่งประกอบด้วยวิธีการและจุดหมายปลายทางไว้เรียบร้อยแล้ว<br />2.คือ จุดหมายที่กำหนดไว้ในการทำงานเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม<br />3.คือ การร่างแบบงานจะเป็นโดยวิธีการสเก็ตซ์บนกระดาษหรือปั้นด้วยดินเหนียว<br />4.การจัดส่วนข้อมูลต่างๆซึ่งจะทำให้เกิดงานศิลปะ<br />การออกแบบ<br /> คือการวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ โดยวางแผนจัดสัดส่วนประกอบของการออกแบบให้สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอย วัสดุ และการผลิตของสิ่งที่ต้องการออกแบบนั้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางความงามและพิจารณาถึงประโยชน์ใช้สอย<br /> การออกแบบที่ดีนั้นควรจะคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้<br />1.รูปแบบที่สร้างสรรค์<br />2.มีความงามที่น่าสนใจ<br />3.สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอย<br />4.เหมาะสมกับวัสดุ<br />5.สอดคล้องกับการผลิต<br /><br />ส่วนประกอบของการออกแบบคือ<br />1.จุด (DOT)<br />2.เส้น (LINE)<br />3.รูปร่างและรูปทรง (SHAPE AND FORM)<br />4.มวลและปริมาตร (MASS AND VOLUME)<br />5.ลักษณะผิว (TEXTURE)<br />6.บริเวณว่าง (SPACE)<br />7.สี (COLOR)<br />8.น้ำหนักสี (VALUES)<br /><br /><br />การออกแบบในสังคม<br />- งานออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอย เช่น การออกแบบเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว เครื่องเรือน เครื่องสุขภัณฑ์ ของใช้ในบ้าน ของใช้ในสำนักงาน ซึ่งการออกแบบเพื่อประโยชน์ใช้สอยนี้คือการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยเน้นประโยชน์ใช้สอยหรือประโยชน์ทางกายเป็นหลัก การออกแบบเช่นนั้นต้องศึกษาและออกแบบให้สัมพันธ์กับกลไกต่างๆซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ออกแบบจะต้องมีความรู้ ความสามารถเฉพาะด้านอีกด้วย<br />- งานออกแบบเพื่อการติดต่อสื่อสาร เป็นงานที่เน้นการสื่อสารถึงกันด้วยภาษาและภาพที่รับรู้ร่วมกันได้ เช่น การออกแบบหนังสือ โปสเตอร์ งานโฆษณา<br />- งานออกแบบเพื่อคุณค่าทางความงาม เป็นงานออกแบบทางทัศนศิลป์ ที่มีเป้าหมายเฉพาะตัว เช่น การได้พบภาพเขียนที่มีสีสดสวย<br />การออกแบบกราฟิก<br /> เป็นลักษณะของการออกแบบพื้นผิว 2 มิติ เพื่อเป็นสื่อกลางสำหรับการถ่ายทอดข้อความ ความรู้สึกนึกคิด จากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่ง เพื่อให้เข้าใจและรู้เรื่องโดยใช้ประสาทตาในการรับรู้เป็นส่วนใหญ่ ในการออกแบบจึงควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้<br />1.ความง่าย<br /> -ง่ายต่อการนำไปใช้<br />-ง่ายต่อการผลิต<br />-ง่ายต่อการสื่อความหมาย<br />2.ความเป็นเอกภาพ<br />3.การเน้น<br />4.ความสมดุล<br /> <br />ความสำคัญของการออกแบบงานกราฟิก<br />1.การออกแบบที่ดีต้องทำให้ข้อมูลที่กระจัดกระจายมีระเบียบมากขึ้น<br />2.ช่วยให้ระบบการถ่ายทอดข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและชัดเจน<br />3.ช่วยสร้างสรรค์งานสัญลักษณ์ทางสังคมเพื่อสื่อความหมายร่วมกัน<br />4.ช่วยพัฒนาระบบการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น<br />5.ช่วยให้เกิดจินตภาพ เกิดมีแนวคิดสิ่งใหม่อยู่เสมอ<br />6.ส่งเสริมให้เกิดค่านิยมทางความงาม<br /><br />นักออกแบบกราฟิก<br />งานออกแบบกราฟิกมีขอบข่ายกว้างขวาง นักออกแบบจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานด้านกราฟิกเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้สร้างแนวคิดและจัดเสนอรูปแบบกราฟิกให้สอดคล้องกับสื่อลักษณะต่างๆต้องมีความเข้าใจถึงระบบการสื่อสารและกระบวนการผลิตสื่อการสื่อความหมายโดยถ่องแท้ การปรุงแต่งงานออกแบบจะต้องสอดคล้องกับหลักปรัชญาการออกแบบ ซึ่งได้แก่<br />1.ก่อให้เกิดประโยชน์และแสดงศักยภาพในหน้าที่ได้ตรงตามวัตถุประสงค์มากที่สุด<br />2.ต้องสามารถแสดงคุณค่าในด้านสุนทรียศาสตร์ได้อย่างดี<br />3.มีรูปแบบที่ทันสมัย<br />4.มีความประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุดและส่งผลตามวัตถุประสงค์ได้มากที่สุด<br />5.มีรูปแบบที่แสดงถึงเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะอันสอดคล้องกับลักษณะศิลปวัฒนธรรมของชาติ<br /><br />อิทธิพลของศิลปะในการออกแบบกราฟิก<br />เพื่อให้วานกราฟิกมีคุณค่าทางความงาม มีความน่าเชื่อถือและสามารถแสดงเอกภาพของการสื่อความที่ดีได้อย่างเต็มที่ องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยทำให้งานกราฟิกมีงานโดดเด่นและน่าสนใจ นักออกแบบจึงใช้หลักและวิธีการทางศิลปะเป็นแนวทางในการออกแบบ โดยพิจารณาจากหลักการดังต่อไปนี้<br />1.รูปแบบตัวอักษรและขนาด<br />2.การกำหนดระยะห่างและพื้นที่ว่าง<br />3.การกำหนดโครงสี<br />4.การจัดวางตำแหน่ง<br /><br /> คุณค่าของงานกราฟิก<br />1.เป็นศูนย์กลางในการสื่อความหมายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน<br />2.สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อเพื่อให้เกิดการเรียนรู้<br />3.ช่วยให้งานเกิดความน่าสนใจแก่ผู้พบเห็น<br />4.ช่วยให้เกิดการกระตุ้นทางความคิดและการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว<br />5.ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์<br /><br />ขอบข่ายของงานกราฟิก<br />1.การประชาสัมพันธ์ ถือได้ว่างานกาฟิกควบคู่ไปกับงานบริหาร<br />2.งานโทรทัศน์ กราฟิกเกี่ยวข้องกับหัวเรื่อง<br />3.งานจัดฉากละคร เช่น การจัดฉากในรูปแบบต่างๆ การออกแบบตัวหนังสือ<br />4.งานหนังสือพิมพ์ วารสาร<br />5.งานออกแบบหรือแบบร่าง<br />6.เขียนภาพเหมือน<br />7.งานพิมพ์หรือทำสำเนา<br />8.ทำซิลค์สกรีน<br />9.การออกแบบหนังสือ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ<br /><br />การออกแบบประกอบไปด้วยสิ่งต่อไปนี้<br />1.เส้น (LINE)<br />2.รูปทรง (FORM) และรูปร่าง (SHAPE)<br />3.ช่องไฟ (SPACE)<br />4.ส่วนลัด (PROPORTION)<br />5.สี (COLOR)<br />6.ความงามทางพื้นผิว (TEXTURE)<br /><br />การออกแบบที่ดี<br /> การออกแบบที่นั้นต้องมีหลักเกณฑ์ในการยึดถือปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักออกแบบพอจะแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้ คือ<br />1.หน้าที่ของการนำไปใช้ เป็นสิ่งแรกที่นักออกแบบจะต้องคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง<br />2.การประหยัด หมายถึง การประหยัดวัสดุและเงินทองที่จะนำมาลงทุน<br />3.ความทนทาน คือ ถ้าขาดความทนทานคุณค่าของสิ่งนั้นก็จะด้อยลงไป<br />4.วัสดุ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย<br />5.โครงสร้าง ผู้ออกแบบจะต้องศึกษาโครงสร้างหรือธรรมชาติของสิ่งเหล่านั้นให้เข้าใจเป็นอย่างดีเสียก่อน จึงจะเป็นนักออกแบบที่ดีได้<br />6.ความงาม สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความงามต้องพอดีและไม่มากไม่น้อยจนเกินไป<br />7.ลักษณะเด่นพิเศษเฉพาะอย่าง คือ จะเน้นจุดดีของแต่ละสิ่งออกมาให้เห็นเด่นชัด จึงถือว่าการออกแบบนั้นสมบูรณ์<br /> * สิ่งที่กล่าวมาทั้ง 7 ข้อนี้ ถือว่าเป็นหัวใจของนักออกแบบที่จะต้องถือมั่นและยึดมั่นอยู่ตลอดไป<br /><br />แนวสร้างสรรค์งานกราฟิก<br />งานกราฟิกที่น้าสนใจจะต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ชัดเจน การออกแบบจะเป็นตัวสนับสนุนให้งานน่าสนใจเพียงใด ความสำเร็จของธุรกิจสื่อโฆษณา หรือกลยุทธ์ทางการสื่อความหมาย จึงต้องขึ้นอยู่กับการออกแบบอย่างมากเพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้สนใจงานโฆษณา และการสร้างสรรค์งานออกแบบกราฟิกทั่วไป จึงขอเสนอรูปแบบขององค์ประกอบศิลป์ สำหรับงานกราฟิกเพื่อพิจารณา<br />1.แบบแถบตาราง ( Band )<br />2.แบบแกน ( Axial )<br />3.แบบตาราง ( Grid )<br />4.แบบกลุ่ม ( Group )<br />5.แบบต่อเนื่อง ( Path )<br />6.แบบตัวอักษร ( Lettering )การผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0